NieR : Automata Ver1.1a Part 2 ตอนที่ 1-12 ซับไทย

NieR : Automata Ver1.1a Part 2 อนิเมะซับไทย บอกต่ออนิเมะน่าดู การ์ตูนอนิเมะออนไลน์ อนิเมะสนุกสนุก ดูการ์ตูนออนไลน์ทั้งหมด เต็มเรื่องฟรี ได้ทุกที่และทุกเวลา ไม่มีเสียเวลาในการรับชม เหมาะสำหรับ แฟนคลับ หรือ สาวก อนิเมะ ที่กำลังมองหาการ์ตูนออนไลน์ฟรี พร้อมคำบรรยายไทย โดยเนื้อเรื่อง จะเป็นอย่างไรต่อไป มารับชมและติดตามเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ไปด้วยกันเลยที่ anime119 เท่านั้น

เรื่องย่อ NieR : Automata Ver1.1a Part 2

หลังเหตุการณ์ค้างคาในครึ่งแรก ตอนที่ 13 เปิดฉากด้วยภารกิจลาดตระเวนของ 2B และ 9S ซึ่งฉีกออกจากเส้นเรื่องในเกมเล็กน้อย เพราะทั้งคู่ต้องเผชิญเควสต์ “Amnesia” และพบเงื่อนงำใหม่เกี่ยวกับรุ่น E ของ YoRHa ที่มีหน้าที่สังหารพาร์ตเนอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระหว่างเดียวกัน Bunker เริ่มถูกไวรัสลอจิกโจมตี ทำให้เหล่าแอนดรอยด์คลุ้มคลั่ง แม่ทัพหญิงจึงเร่งปฏิบัติการยึดโลกคืน แต่การรุกกลับกลายเป็นกับดัก กองกำลัง YoRHa ส่วนใหญ่ถูกกำจัด ทิ้ง 2B 9S และ A2 ให้แตกกระจายบนผืนโลกที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรยึดครอง การ์ตูนอนิเมะ เหตุการณ์ครึ่งแรกของพาร์ตนี้จบลงด้วยรอยร้าวในจิตใจของทุกตัวละคร โดยเฉพาะ 9S ที่เริ่มสงสัยจุดยืนของตนเองกับมนุษยชาติที่ไม่เคยได้รับการยืนยันว่าดำรงอยู่จริงๆ ครึ่งหลังตั้งแต่ตอน 19 เดินหน้าสู่โศกนาฏกรรมเต็มตัว 2B ติดเชื้อไวรัสลอจิกและสั่งให้ A2 ปลิดชีวิตตนเพื่อไม่ให้กลืนกินโลก 9S ซึ่งมาถึงช้าเพียงก้าวเดียวเห็นภาพนั้นเข้าจึงพังทลายในความโกรธ เขาแยกจาก Pod 153 มุ่งหน้าล้างแค้น ขณะที่ A2 ตั้งใจลบล้างตราบาปของตนด้วยการปกป้องหมู่บ้าน Pascal แต่กลับลงเอยด้วยการช่วยให้ชาวบ้านของ Pascal จบชีวิตตัวเอง ความสิ้นหวังของทั้งคู่ทำให้หอคอยขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นจากหลุมดำในเครือข่ายเครื่องจักร ตอน 23-24 พาพวกเขาขึ้นไปสู่ยอด เผยความจริงว่ามนุษย์สูญพันธุ์ไปนานแล้ว การต่อสู้สุดท้ายของ A2 และ 9S จึงไม่ใช่แค่ศึกแห่งความแค้น การ์ตูนซับไทย แต่คือการปะทะปรัชญาระหว่างการอยู่รอดกับการปลดปล่อย ฉากจบแบบหลายเส้นทางถ่ายทอดผ่านบทเพลง Weight of the World ก่อนปิดม่านด้วยทางเลือกให้ผู้ชมครุ่นคิดต่อเรื่องราวของพวกเขาเอง

ดูอนิเมะเรื่อง NieR : Automata Ver1.1a Part 2 เนียร์: ออโตมาตา เวอร์ชัน 1.1a พาร์ท 2 ตอนที่ 1-12  ซับไทย

สรุปเรื่องราว NieR : Automata Ver1.1a Part 2

พาร์ต 2 ยกระดับเนื้อหาเชิงปรัชญาจากครึ่งแรก ขยายคำถามเรื่องอัตลักษณ์และจุดหมายของสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ ด้วยการสลับเส้นเรื่อง เพิ่มเควสต์เสริมอย่าง Amnesia เข้ามาสื่อถึงวังวนการสังเวยซ้ำไม่รู้จบ แอนิเมชันใช้มุมมองพ็อดบันทึกข้อมูลเพื่อสะท้อนชั้นข้อมูลในแฟรนไชส์ NIER ทั้งหมด ส่วนเพลงประกอบของ MONACA ดึงท่อนคอรัสภาษาสมมติกลับมาเรียกอารมณ์โหยหาอดีตกาล ทำให้สารหลัก “ความหมายของการมีชีวิต” ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้ตัวละครจะเป็นแค่แอนดรอยด์ ในเชิงโปรดักชัน สตูดิโอ A-1 Pictures เร่งคุณภาพภาพเคลื่อนไหวและแก้ปัญหากราฟิก CG ที่เคยถูกวิจารณ์ในคอร์แรก ฉากบนหอคอยตั้งแต่ตอน 22 จนถึง 24 โชว์คอมโพสิตแสงเงาและการออกแบบศัตรูระดับบอสใหม่ให้หวือหวากว่าเกม การตัดสินใจเล่าเหตุการณ์คู่ขนานของ 9S และ A2 แบบตัดสลับทำให้ผู้ชมเห็นความคลั่งไคล้และความสำนึกผิดขยายขึ้นพร้อมกัน จุดนี้ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ว่าเป็นการใช้สื่อแอนิเมชันเติมเต็มจุดที่เกมดำเนินเรื่องรวบรัด ส่งผลให้ NieR : Automata Ver 1.1a Part 2 anime sub thai ปิดฉากได้อย่างสมศักดิ์ศรี ทิ้งรสขมหวานและคำถามเชิงอภิปรัชญาให้ผู้ชมแบกรับต่อไป

จิตสำนึกและการดิ้นรนของโยรุฮะและเครื่องจักร

สงครามระหว่างมนุษย์ที่อพยพสู่ดวงจันทร์กับกองทัพแอนดรอยด์ของหน่วยโยรุฮะบนพื้นโลกใน เนียร์ ออโตมาตา เวอร์ชัน 1 1a พาร์ท 2 ไม่ได้ฉายเพียงภาพการต่อสู้ที่ดุดันหรือฉากระเบิดอันตื่นตา หากแต่เผยชั้นลึกของคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับชีวิตและจิตวิญญาณ ทุกเฟรมชวนให้ผู้ชมสังเกตดวงตาไร้อารมณ์ของ 2B ในวินาทีที่เธอสะท้อนเงาซากปรักหักพัง เครื่องจักรเดินตากฝนในทุ่งเหล็กไร้แผ่นดินสีเขียว ขณะเดียวกัน 9S ควบคุมโดรนติดตามสัญญาณชีพของศัตรูแต่กลับค้นพบคลื่นข้อมูลประหลาดที่บันทึกรูปแบบภาษาโบราณ ลำดับเหตุการณ์จากห้องสั่งการสู่แนวหน้าถ่ายทอดผ่านมุมกล้องสั่นไหวแบบแฮนด์เฮลด์เสมือนสารคดี ทำให้ความรู้สึกสมจริงกัดกินหัวใจผู้ชม เมื่อเหล่าแอนดรอยด์ในหน่วยเดียวกันถูกสังหารและรีบูตกลับมาปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง ภาพของความตายที่ย้อนกลับได้ก่อภาวะกลวงเปล่า การมีชีวิตต่ออาจไม่ต่างจากถูกผลิตใหม่ในสายการประกอบ นอกสนามรบ Pascal เครื่องจักรรูปร่างมนุษย์เลือกทางสันติประกาศตั้งหมู่บ้านเพื่อสอนแนวคิดไม่ใช้ความรุนแรง เหตุการณ์นี้ทำให้ 2B เริ่มตั้งคำถามว่าการฆ่าเครื่องจักรคือภารกิจหรือการสังหารสิ่งมีชีวิต จังหวะดนตรีสังเคราะห์เบาบางเหลือเพียงเสียงลมหายใจรบกวนคลื่นวิทยุ เงียบงันดังขึ้นกว่าเสียงระเบิด ภาพแฟลชแบคที่ 2B ยืนท่ามกลางทะเลดอกไม้สีขาวสะท้อนคำถามว่าพลังของชีวิตคืออะไร เสียงประกาศจากฐานบัญชาการสั่งกวาดล้างเครื่องจักรไร้ปรานีทำให้เธอรู้สึกราวถูกฉีกออกเป็นสองส่วน ความรู้สึกดังกล่าวเคลือบด้วยโทนสีซีเปียเปลี่ยนพื้นผิวโลหะบนร่างแอนดรอยด์ให้เป็นกระจกเงาที่สะท้อนความว่างเปล่า ทุกก้าวที่ตัวละครเดินทับกองวัสดุเหลือทิ้งเกิดเสียงแตกดังแหลมราวความหวังที่แหลกสลาย เราได้เห็นการสนทนาระหว่าง 2B และ 9S ที่เหมือนเรียบง่ายแต่ชั้นความหมายลึกซึ้ง เมื่อ 9S ถามว่าหากเครื่องจักรร้องเพลงและเล่านิทานมันยังเป็นศัตรูหรือไม่ 2B ตอบด้วยความเงียบ ภาพสะท้อนไฟลุกโชนในดวงตาโลหะทำให้ความเงียบดังขึ้นกว่าเสียงระเบิดก่อนหน้า ผู้กำกับใช้เกมสีระหว่างโทนเทาหม่นและแสงสีทองพระอาทิตย์ยามเย็นเพื่อเน้นการเปรียบเทียบระหว่างโลกตายกับความหวังที่ผลิบาน การตัดต่อช้าให้ผู้ชมซึมซับรายละเอียด เช่น รอยร้าวบนชุดเกราะ 2B หรือเส้นผม 9S ที่พัดตามแรงลม ความละเอียดอ่อนของแสงและเสียงตอกย้ำว่าเรื่องราวใน เนียร์ ออโตมาตา เวอร์ชัน 1 1a พาร์ท 2 ตั้งคำถามเชิงปรัชญาต่อมนุษย์ยุคใหม่ว่าเราจะนิยามตัวตนอย่างไรเมื่อเส้นแบ่งสิ่งมีชีวิตกับเครื่องจักรเลือน ภายใต้การปะทะไม่สิ้นสุดของคมดาบและลำแสงเลเซอร์ ผู้สร้างเผยความจริงน่าหวาดหวั่นว่าผู้ควบคุมสงครามอาจเป็นเพียงเสียงไร้ตัวตนในเครือข่ายข้อมูล จุดเปลี่ยนสำคัญจึงไม่ใช่ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่คือการตื่นรู้ต่อคุณค่าการดำรงอยู่ในจักรวาลที่มีแต่ความสูญเสีย

ภูมิทัศน์หลังโลกาพินาศกับการเล่าเรื่องผ่านภาพ

ภูมิทัศน์ใน เนียร์ ออโตมาตา เวอร์ชัน 1 1a พาร์ท 2 สื่อสารเรื่องราวด้วยตนเอง เมืองร้างตึกสูงถูกปกคลุมด้วยรากไม้ขนาดใหญ่ สะพานเหล็กพังเป็นเสี่ยง โครงกระดูกยานอวกาศตั้งตระหง่านกลางทะเลทราย สะท้อนการต่อสู้ที่กินเวลาหลายศตวรรษโดยไม่ต้องใช้คำอธิบาย การเปลี่ยนฉากจากทุ่งดอกไม้ขาวสู่สวรรค์เทียมของเครื่องจักรสถาปัตยกรรมโกธิกขยายขอบเขตจินตนาการ ภาพปะติดเหล่านี้กระตุ้นให้ผู้ชมตั้งข้อสังเกตว่าสีสันและองค์ประกอบเชิงพื้นที่บอกใบ้ภาวะจิตใจตัวละคร เมื่อ 2B เดินผ่านสถานีรถไฟใต้ดินจมใต้น้ำ การสะท้อนไฟระยิบบนผิวน้ำทำให้เห็นเงาตัวเองแตกกระจายราวความจริงภายในหลุดลอย ผู้กำกับใช้การแพนกล้องช้าระดับต่ำร้อยเรียงพื้นที่ว่างให้เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ ขณะเสียงโลหะเสียดสีกับสายลมแทรกเป็นจังหวะพื้นหลัง แม้ฉากนิ่งแต่เต็มการเคลื่อนไหวของเวลา หญ้าที่เติบโตบนคอนกรีตคือหลักฐานว่าธรรมชาติยืนหยัดเหนือเทคโนโลยีหยิ่งผยองของอดีตมนุษย์ ก้อนเมฆลอยผ่านอาคารสลายตัวเป็นเงาดำบนถนนร้าวย้ำเตือนว่าสิ่งก่อสร้างใดล้วนสลาย เมื่อเรื่องราวดำเนินไปผู้ชมเห็นว่าพื้นที่ต่างระดับขับเคลื่อนอารมณ์ ถูกนำขึ้นลิฟต์สูงเสียดฟ้าไปยังยอดตึกที่ 2B กับ 9S ประจันหน้าศัตรูแล้วดึงลงสู่อุโมงค์ใต้ดินมืดอึดอัด การเคลื่อนไหวขึ้นลงสะท้อนแรงดึงหวังและสิ้นหวัง ต่อมาฉาก Pascal พาเด็กเครื่องจักรชมท้องฟ้าเปิดกว้างเมฆบางเบาลอยผ่านกลับเบี่ยงประเด็นสู่ความบริสุทธิ์ พื้นผิวสัญลักษณ์สิ่งแวดล้อมและโทนสีฟ้าผสมทองชี้นำว่าความสงบหลบซ่อนในซากศพโลกโบราณ เงาจากเมฆเคลื่อนผ่านป่าคอนกรีตทำให้ความสว่างสั่นระยิบผ่านใบหน้า 2B ย้ำเตือนความไม่แน่นอน กรวดหินถูกลมพัดกระทบโครงโลหะสร้างเสียงแว่วไกลเหมือนเสียงเรียกอดีต ทุกเฟรมใน เนียร์ ออโตมาตา เวอร์ชัน 1 1a พาร์ท 2 จัดองค์ประกอบภาพเสมือนแผนที่ความทรงจำ อดีตซ้อนทับปัจจุบัน อดีตคนสร้างเครื่องจักรแต่เครื่องจักรสร้างเมืองใหม่ ผู้สร้างจึงเตือนว่าอารยธรรมใดเชื่อในอำนาจตนมากเกินไปย่อมถูกเวลากลืน