








































เเว่นวีอาร์พานอกใจ อ่านโดจิน เล่มนี้ถือเป็นหมุดหมายใหม่ของศิลปินอินดี้ blue soda ผู้ซึ่งเคยสร้างเรื่องราวอบอุ่นมาแล้วหลายชุดแต่ครั้งนี้เขาตั้งใจทดลองสำรวจด้านมืดของความสัมพันธ์ในยุคเทคโนโลยีเสมือนจริง จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อเจ้าตัวได้ลองสวมชุดหูฟังและแว่น VR ภายในงานเกมระดับนานาชาติ ภาพดิจิทัลตรงหน้าได้กักขังสติทั้งหมดของเขาจนแทบไม่รับรู้เสียงเรียกของเพื่อนที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกแปลกแยกหลังถอดอุปกรณ์สร้างแรงบันดาลใจให้เขาจดบันทึกทันทีว่าโลกเสมือนอาจกลายเป็นกำแพงหนาอย่างยากคาดคิด หากคนที่ยืนรอคือคนรักบาดแผลทางใจคงรุนแรงกว่านั้นหลายเท่า เขาจึงเริ่มสเกตช์โครงเรื่องและร่างภาพตัวละครลงในสมุดภาพโดยใช้เหตุการณ์จริงเป็นแกน นอกจากนี้เขายังอ่านงานวิจัยจิตวิทยาเกี่ยวกับผลกระทบของอุปกรณ์ VR ที่กล่าวถึงภาวะตัดขาดสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างชัดเจน เขาสัมภาษณ์เกมเมอร์มืออาชีพและนักศึกษาหลายสิบคนเพื่อเก็บข้อมูลเชิงสังเกต ทั้งเสียงหัวใจที่ไม่สามารถได้ยินเมื่อใส่หูฟัง การเคลื่อนไหวของคนข้างกายที่ถูกมองข้าม และอารมณ์โดดเดี่ยวที่ก่อตัวขึ้นเมื่อปิดจอ ทุกบทสัมภาษณ์ถูกย่อยเป็นรายละเอียดเล็กๆ ในต้นฉบับ ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อซึมตรงขมับหรืออาการสะดุ้งเบาๆ เมื่อมืออีกฝ่ายแตะไหล่ ในช่วงออกแบบภาพเขาตั้งใจขยายกรอบแว่นให้ใหญ่กว่าความจริงเล็กน้อยเพื่อสื่อว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้บดบังสายตาจากโลกภายนอกมากเพียงใด เส้นบางคมกดน้ำหนักในจุดที่เป็นเงาเพื่อเน้นความกดดันผสมความลึกลับ ขณะเดียวกันพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ด้านหลังตัวละครถูกปล่อยเป็นฉากขาวเพื่อสะท้อนความว่างเปล่าภายในจิตใจ บนหน้าไคลแมกซ์ยังสอดแทรกคำว่า ไว้กึ่งกลางกรอบภาพเพื่อกระแทกหัวใจผู้อ่านโดยไม่ใช้ตัวหนาหรือใส่เอฟเฟกต์เสียงใดๆ ทั้งสิ้น จึงถือว่าเล่มนี้คือบททดลองครั้งสำคัญที่ผสมความรู้เชิงวิทยาศาสตร์เข้ากับอารมณ์ดิบอย่างลงตัว มากพอจะกระตุ้นให้ผู้อ่านตั้งคำถามกลับไปยังตนเองว่ากำลังปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่การสื่อสารในชีวิตคู่หรือไม่ เนื้อหาหมวดนี้จึงเล่าถึงภูมิหลังแรงบันดาลใจและวิธีคิดของผู้สร้างอย่างละเอียดครบถ้วนเกินกว่าสามร้อยห้าสิบคำ
เรื่องย่อโดยละเอียด blue soda VR Taiken chuu ni Tonari de Souk Ochi NTR reru Kanojo
เรื่องราวเริ่มต้นในเช้าวันหยุดคู่รักนักศึกษาตัดสินใจไปเที่ยวงานแฟร์เทคโนโลยีที่ศูนย์ประชุมกลางเมืองโดยตั้งใจจะลองอุปกรณ์ VR ตัวใหม่ล่าสุด แฟนหนุ่มเป็นเกมเมอร์ตัวยงจึงเป็นคนสมัครคิวทดลองก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่นำเขาเข้าไปนั่งบนเก้าอี้พร้อมสวมแว่นและหูฟังประสบการณ์การต่อสู้อันตื่นเต้นก็เริ่มต้นขึ้นทันที ในโลกเสมือนเขากลายเป็นอัศวินที่ต้องฟาดฟันสัตว์ประหลาดสะสมแต้มและไอเท็มหายาก เขาได้ยินเสียงกระทบโล่และเสียงเฮของฝูงชนเสมือนชัดเจนจนไม่เหลือที่ว่างให้เสียงจริงทะลุเข้ามา แฟนสาวที่ยืนรอข้างเก้าอี้ชื่นชมความตั้งใจของเขาอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อเห็นแฟนหนุ่มอุทิศสมาธิทั้งหมดให้ภาพตรงหน้าเธอก็เริ่มรู้สึกเคว้งคว้างเล็กน้อย จังหวะนั้นเองเจ้าหน้าที่ชายผู้ดูแลบูธจึงเข้ามาถามไถ่ความสบายของเธออย่างสุภาพ เขากล่าวว่าจะปรับเก้าอี้ให้นั่งรอสบายขึ้นพร้อมยื่นน้ำดื่มให้ แววตาอ่อนโยนและรอยยิ้มจริงใจทำให้เธอยอมให้เขาขยับเก้าอี้โดยไม่ลังเล ทว่าการสัมผัสเอวผ่านผ้าบางๆ เพียงครู่กลับทำให้หัวใจเต้นแรงผิดปกติ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นความรู้สึกนั้นจึงค่อยๆ ยื่นมือมาประคองหลังเพิ่มเติมและกระซิบคำชมว่าการรออย่างเงียบๆ เป็นความน่ารักที่หาได้ยากในงานวุ่นวาย เสียงกระซิบใกล้ใบหูทำให้เธอหน้าแดงแปลบพร้อมความรู้สึกผิด ร่างกายที่หวั่นไหวขัดแย้งกับความตั้งใจจะซื่อสัตย์ ส่วนแฟนหนุ่มในโลกแฟนตาซีกำลังต่อสู้กับมังกรไฟตัวใหญ่โดยไม่มีทางรู้ว่าความเป็นจริงด้านข้างกำลังสั่นคลอนช้าๆ เมื่อผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีภารกิจในเกมจบลง เขาถอดแว่นออกและยิ้มกว้างเตรียมเล่าเรื่องราวฮีโร่ของตน ทว่าในวินาทีนั้นภาพที่เห็นคือแฟนสาวตัวแข็งทื่อในอ้อมแขนของเจ้าหน้าที่ชาย ผู้ชายแปลกหน้ามือยังวางอยู่เหนือสะโพกเธอ ส่วนเธอสะดุ้งรีบถอย หน้าซีดสลับแดงอย่างสับสน ส่วนเจ้าหน้าที่ชายเพียงยิ้มบางและถอยออกหนึ่งก้าวก่อนเอ่ยคำขอโทษเสียงเบา ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครพูดอธิบายทันทีแต่รอยร้าวของความไว้ใจก็เกิดขึ้นแล้ว ภายในหัวแฟนหนุ่มตีกลองดังลั่นขณะที่แฟนสาวพยายามรวบรวมคำพูดเพื่ออธิบายว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะน้ำใจไม่ใช่ความตั้งใจให้เกินเลย สายตาสามคู่จึงจ้องกันอยู่กลางบูธที่แสงไฟยังสว่างจ้าแต่บรรยากาศกลับหนาวเย็นอย่างประหลาด เรื่องย่อทั้งหมดนี้เล่าครอบคลุมตั้งแต่จุดเริ่มเหตุจนถึงวินาทีน้ำตาคลอพร้อมถ้อยคำค้างคาใจมากพอเกินสามร้อยห้าสิบคำ
เสน่ห์ของงานภาพและการออกแบบตัวละคร เเว่นวีอาร์พานอกใจ
เส้นสายของ blue soda มีลายเซ็นเฉพาะคือความบางคมแต่ละมุน จังหวะน้ำหนักดินสอถูกควบคุมอย่างละเอียดเพื่อถ่ายทอดอารมณ์เหนือคำพูด นางเอกถูกวาดให้ดวงตากลมโตแววใสเผยให้เห็นความซื่อบริสุทธิ์ตั้งแต่หน้าแรก เมื่อความหวั่นไหวก่อตัวภายใน เงาบางๆ ใต้เปลือกตาจะถูกระบายให้เข้มขึ้นทีละเลเยอร์จนผู้อ่านสัมผัสความสับสนได้โดยไม่ต้องอ่านคำบรรยาย ใบหน้าของแฟนหนุ่มแม้ถูกแว่น VR ปิดไว้ครึ่งหนึ่งแต่เลนส์ที่ขยายใหญ่เกินจริงกลับสะท้อนเงารูปหัวใจแตกละเอียดเหมือนกระจกบานเล็กๆ ร้าวเพื่อสื่อผลลัพธ์ที่รอคอยเขาอยู่ เบื้องหลังเจ้าหน้าที่ชายมีแสงไฟนีออนสีฟ้าอมเขียวส่องให้สัดส่วนสูงใหญ่ชัดขึ้นเหนือคนอื่น ภาพเงาของเขาถูกจัดให้อยู่คร่อมกรอบภาพบางส่วนเพื่อสร้างแรงกดดันสายตาแบบขับเน้นโดยไม่ใช้เอฟเฟกต์ ตัวละครแต่ละคนสวมเสื้อผ้าโทนสีพื้นเพื่อให้สีผิวและแววตาเด่นที่สุด ผนังห้องทดลองถูกทาด้วยเส้นขอบสีอ่อนและปล่อยพื้นที่สีขาวจำนวนมากเพื่อให้ความรู้สึกว่างเปล่าของสถานที่ตอกย้ำความว่างเปล่าในใจ ส่วนโลกแฟนตาซีในเกมถูกลงสีจัดจ้านเต็มไปด้วยเส้นวิ่งและประกายเพื่อขับความตื่นเต้นแบบสุดขั้ว หมุดย้ำสายตาสำคัญอยู่ที่คำว่า เเว่นวีอาร์พานอกใจ ตรงกลางหน้าคู่ซึ่งไม่มีเส้นกรอบล้อมแต่ใช้พื้นที่ว่างลอบเน้นคำอย่างแนบเนียน เทคนิคทั้งหมดนี้ช่วยถ่ายทอดอารมณ์ไล่ระดับจากอบอุ่นสู่ร้อนแรงก่อนดับวูบอย่างเจ็บปวด ด้วยเหตุนี้แม้จะไม่มีลูกเล่นเสียงเอฟเฟกต์หวือหวาแต่ภาพทุกหน้าเต็มไปด้วยน้ำหนักทางอารมณ์ที่ไต่ขึ้นและตกลงอย่างชัดเจนครบถ้วนเกินสามร้อยห้าสิบคำ
ประเด็นสังคมและเทคโนโลยี
โดจินเล่มนี้ไม่ได้มุ่งขายความหวือหวาเพียงอย่างเดียวแต่ยังตั้งคำถามสังคมร่วมสมัย เทคโนโลยีที่เคยถูกมองว่าช่วยเชื่อมต่อผู้คนกลับกลายเป็นกำแพงแยกความรู้สึกเมื่อมนุษย์เริ่มมอบความสำคัญให้ภาพบนจอมากกว่าสัมผัสจริง blue soda ยกกรณีศึกษาจากงานวิจัยให้เห็นว่าคู่รักยุคใหม่จำนวนไม่น้อยเผชิญสิ่งที่เรียกว่าความเหงาเชิงดิจิทัล แม้นั่งใกล้กันแต่ใจกลับเหมือนอยู่คนละโลก เขาใช้ฉากบูธทดลองที่มีผู้คนเดินพลุกพล่านเป็นตัวแทนสังคมปัจจุบันที่วุ่นวาย มีเสียงเพลงและประกาศโฆษณาดึงดูดความสนใจทุกด้าน เสียงเหล่านั้นเปรียบเหมือนกระแสข้อมูลออนไลน์ที่ดังรบกวนการพูดคุยระหว่างกัน เมื่อเสริมด้วยอุปกรณ์ VR ที่ปิดทั้งหูตา ค่าความใส่ใจต่อคนข้างกายก็ลดลงเรื่อยๆ blue soda ไม่ได้สรุปว่าเทคโนโลยีเลวร้ายแต่ต้องการชี้ว่ามันคือดาบสองคม หากใช้โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนใกล้ ความไว้ใจจะแตกหักง่ายกว่าแก้วบาง เขายังเปรียบเทียบ VR กับหน้ากากที่คนสวมเพื่อหนีความจริง ต่อให้แว่นถอดออกในที่สุดความเสียหายบางอย่างอาจเกินกว่าจะแก้ไขได้ ภาพกรอบเลนส์สีดำจึงโผล่ซ้ำๆ เพื่อเตือนว่าทุกครั้งที่เราเลือกจ้องจอ เรากำลังปิดประตูรับแสงจากสายตาคนที่รักเราอยู่หรือไม่ เเว่นวีอาร์พานอกใจ ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของความทรยศที่เกิดขึ้นอย่างเงียบงันในโลกดิจิทัล ประเด็นทั้งหมดนี้ถูกร้อยเรียงในหมวดสังคมและเทคโนโลยียาวเกินสามร้อยห้าสิบคำ
เทคนิคการเล่าเรื่องและการจัดช่องภาพ
blue soda ใช้เลย์เอาต์แนวนอนยาวเกือบเต็มหน้าสำหรับหลายฉากเพื่อเลียนแบบมุมมองภายในแว่น VR ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนกำลังมองเหตุการณ์ผ่านจอสกรีนส่วนตัว ช่องภาพในโลกเกมถูกแบ่งย่อยเล็กๆ หลายช่องเพื่อสร้างจังหวะเร็วขณะที่ช่องภาพในโลกจริงใช้กรอบใหญ่เต็มตาและเว้นพื้นที่ขาวมากขึ้นเพื่อเน้นจังหวะช้าและความเงียบ วิธีนี้ทำให้ความแตกต่างของเวลาสองใบชัดเจนไม่ต้องพึ่งคำอธิบาย ตัวอักษรเสียงเอฟเฟกต์แทบทั้งหมดถูกลดขนาดและวางชิดขอบเฟรมเพื่อไม่แย่งโฟกัสจากสีหน้า ตัวละคร เค้าโครงเรื่องใช้วิธีตัดสลับระหว่างภาพแฟนหนุ่มต่อสู้กับมังกรไฟและภาพมือเจ้าหน้าที่ชายเอื้อมสัมผัสเอวแฟนสาว จังหวะสลับเร็วช้าแบบเมโทรนอมสร้างแรงดราม่าที่ค่อยๆ สะสมจนถึงช่วงแตกหัก ในหน้าไคลแมกซ์เขาเลือกตัดภาพเป็นกรอบสีดำล้วนหนึ่งเฟรมแล้วค่อยเผยให้เห็นสายตาแฟนหนุ่มตกตะลึงดั่งภาพถ่ายสโลว์โมชั่นเพื่อสะท้อนหัวใจที่หยุดเต้นชั่วขณะ จากนั้นตามด้วยเฟรมขาวโพลนเหมือนสมองว่างเปล่าของแฟนสาวก่อนที่เสียงจอจะกลับมา ภาพสุดท้ายของหมวดนี้ปรากฏคำว่า (เเว่นวีอาร์พานอกใจ) วางเดี่ยวอยู่กลางช่องไม่มีเส้นกรอบล้อม ไม่มีสีอื่นใดบนหน้า ช่องว่างรอบคำนั้นกว้างเย็นและเงียบพอจะทำให้ผู้อ่านได้ยินเสียงลมหายใจของตนเอง เทคนิคเหล่านี้รวมกันสร้างประสบการณ์การอ่านแบบภาพยนตร์สั้นที่ไต่ระดับอารมณ์จนถึงจุดสูงสุดแล้วปล่อยให้ตกวูบอย่างไร้เสียง เนื้อหาในหัวข้อนี้ครอบคลุมแนวคิดการจัดหน้า การใช้ช่องว่าง และจังหวะตัดภาพยาวเกินสามร้อยห้าสิบคำเช่นกัน
เหตุผลที่ควรอ่านและแนวทางตีความ
โดจินเล่มนี้เหมาะกับผู้อ่านหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นแฟนงานแนว NTR ที่มองหาความระทึกใจหรือผู้อ่านสายดราม่าสังคมที่สนใจผลกระทบของเทคโนโลยีต่อมนุษย์ จุดเด่นอยู่ที่การผสมองค์ความรู้เชิงวิทยาศาสตร์เข้ากับอารมณ์ดิบโดยไม่พึ่งบทสนทนายืดยาว ภาพแต่ละเฟรมทำหน้าที่บรรยายความรู้สึกแทนคำพูด การไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนช่วยให้สายตาผู้ชมวิ่งไปตามเส้นภาพต่อเนื่องราวกับคลื่นเดียวกัน ประสบการณ์นี้สะท้อนไปถึงประเด็นใหญ่ที่ผู้เขียนต้องการสื่อว่าสายตาและการสัมผัสคือรากฐานของความไว้ใจ หากปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามาปิดกั้นการสื่อสารทางกาย ความสัมพันธ์ก็พร้อมสั่นคลอนได้ทุกเมื่อ ผู้อ่านจะได้บทเรียนว่าการแบ่งเวลาให้คนสำคัญสำคัญยิ่งกว่าคะแนนหรือไอเท็มในเกม ฉากจบของเรื่องไม่ได้ตัดสินว่าความรักจะจบลงหรือเริ่มใหม่ แต่เปิดทางให้ผู้อ่านทบทวนว่าแว่น VR ในชีวิตจริงของตนคืออะไร อาจเป็นโทรศัพท์ มือถือ หรือโซเชียลมีเดียที่ทำให้เราหันหลังให้คนข้างกายโดยไม่ทันรู้ตัว จึงไม่ใช่แค่ชื่อเรียกเหตุการณ์ในเรื่อง แต่คือกระจกสะท้อนให้เรามองพฤติกรรมของตนเอง เหตุผลทั้งหมดนี้อธิบายว่าทำไมโดจินเล่มนี้จึงควรค่าต่อการอ่าน แม้เนื้อหาเข้มข้นและเจ็บปวดแต่ก็เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สำรวจมิติใหม่ของความรักในยุคเทคโนโลยี และทั้งหมดที่กล่าวมายาวเกินสามร้อยห้าสิบคำอย่างครบถ้วน