Sengoku Basara The Last Party หรือในชื่อญี่ปุ่น 劇場版 戦国BASARA -The Last Party- และชื่อไทยว่า สงครามดาบซามูไรเดือด เดอะมูฟวี่ เป็นอนิเมะภาคต่อโดยตรงจากซีซัน 2 ของแฟรนไชส์ ที่หยิบเอาบุคคลในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมายำใหญ่ให้เป็นแนวแฟนตาซีแอ็กชันสุดมันตามสไตล์ของ CAPCOM จุดเด่นของภาคหนังคือการ “สรุปเรื่องราวทั้งหมด” ของสงครามครั้งใหญ่ระหว่าง Date Masamune และ Ishida Mitsunari พร้อมตัวละครสำคัญมากมายจากซีรีส์เดิมแบบจัดเต็ม ทั้งยังมีฉากต่อสู้แบบโรงภาพยนตร์ที่ยกระดับความมันไปอีกหลายขั้น ถ้าคุณกำลังหา อนิเมะซามูไร พลังเวอร์ที่ดูแล้วเลือดสูบฉีด นี่คือเรื่องที่ตอบโจทย์สุด ๆ

เรื่องย่อ สงครามดาบซามูไรเดือด เดอะมูฟวี่ พากย์ไทย
หลังสงครามใหญ่สิ้นสุดลง โลกยุคเซ็งโงกุยังคงไม่สงบ เมื่อการแก่งแย่งอำนาจเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง ความโกรธแค้นของ Ishida Mitsunari ยังคงสั่นคลอนแผ่นดิน และเป้าหมายของเขาคือ Date Masamune ศัตรูผู้พรากสิ่งสำคัญไปจากเขา ในอีกด้านหนึ่ง แม่ทัพอย่าง Sanada Yukimura ยังคงพยายามหาหนทางยุติสงครามพร้อมเติบโตเป็นนักรบที่แท้จริง ขณะเดียวกันก็มี “พลังปริศนา” ที่กำลังปลุกความวุ่นวายครั้งใหม่ขึ้นในแผ่นดินญี่ปุ่น เมื่อความวุ่นวายเริ่มปะทุ ทุกขุนศึกจำเป็นต้องเลือกเส้นทางของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้น การปกป้อง หรือการไถ่บาป ทำให้การขับเคี่ยวในภาค The Last Party เข้มข้นกว่าที่เคย เรื่องราวดำเนินไปสู่ “ศึกสุดท้าย” ที่ทั้งยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยอารมณ์ จนแฟน ๆ หลายคนต้องอมยิ้มและน้ำตาซึมไปพร้อมกัน
ดูอนิเมะ Sengoku BASARA The Last Party The Movie สงครามดาบซามูไรเดือด เดอะมูฟวี่ พากย์ไทย
ข้อมูลอนิเมะ
- ชื่อเรื่องไทย: สงครามดาบซามูไรเดือด เดอะมูฟวี่
- ชื่อเรื่องอังกฤษ: Sengoku BASARA: The Last Party
- ชื่อเรื่องญี่ปุ่น: 劇場版 戦国BASARA -The Last Party-
- ประเภท: แอ็กชัน / ซามูไร / แฟนตาซี
- สตูดิโอผู้สร้าง: Production I.G
- ผู้กำกับ: Kazuya Nomura
- ความยาว: ประมาณ 95 นาที
- ปีที่ฉาย: 2011
- เรทอายุผู้ชม: PG-13
- สถานะ: จบแล้ว – ฉายโรง
ตัวละครหลัก
จุดเด่นของภาพยนตร์
- ฉากต่อสู้ระดับโรงภาพยนตร์ Production I.G ยกระดับงานภาพให้มีความลื่นไหลและทรงพลังกว่าซีรีส์ทีวีหลายเท่า
- ความดราม่าและอารมณ์เข้มข้น ภาคนี้เน้นอารมณ์ของตัวละคร โดยเฉพาะ Mitsunari และ Masamune ที่มีปมลึกกว่าเดิม
- รวมตัวละครจากซีรีส์ครบครัน แฟนทุกภาคได้เห็นตัวละครที่รักกลับมามีบทบาท
- เพลงประกอบทรงพลัง ทั้ง OST และเพลงธีมช่วยสร้างบรรยากาศสุดมัน
- เป็น “บทสรุป” ที่ลงตัว เรื่องราวที่ค้างคามาจากซีซันก่อนถูกปิดฉากได้ดีและน่าประทับใจ
